กำลังมองหาป้ายหนัง ติดเสื้อ ติดกางเกง ป้ายติดกระเป๋า รองเท้า ที่จะช่วยยกระดับแบรนด์ให้ดูหรูหราขึ้นอยู่หรือเปล่า? หรืออยากรู้ว่าป้ายหนังแต่ละประเภทเหมาะกับสินค้าแบบไหน? วันนี้ sirinda มีข้อมูลเจ๋งๆ เกี่ยวกับป้ายหนังมาแนะนำ เพื่อให้คุณเลือกป้ายที่ใช่กับแบรนด์ของคุณ!
ป้ายหนังแท้ (Genuine Leather) สัมผัสแห่งความหรูหรา
ป้ายหนังแท้ คือ หนังสัตว์แท้ เช่น หนังวัว โดยผ่านกระบวนการฟอกและตกแต่งให้เหมาะสมกับการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ป้ายติดเสื้อผ้า ป้ายสินค้า หรือป้ายเครื่องหนัง ป้ายหนังแท้มีคุณสมบัติที่โดดเด่นและนิยมใช้ในงานที่ต้องการความหรูหราและความทนทานสูง สำหรับแบรนด์ที่ต้องการความหรูหราและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยเนื้อหนังแท้ที่มีความนุ่ม ทนทาน และสวยงาม
ความพิเศษของป้ายหนังแท้
- ดีไซน์ได้หลากหลายด้วยการไดคัทรูปทรง
- สามารถใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น การช็อตจม (Debossing), การปั๊มฟอยล์ (Foil Stamping), หรือการเลเซอร์ (Laser Engraving) เพื่อเพิ่มความสวยงาม
- มีลวดลายธรรมชาติที่ไม่ซ้ำกัน เช่น ลายรูขุมขน หรือริ้วรอยจากผิวหนังสัตว์ สัมผัสนุ่มและยืดหยุ่น ให้ความรู้สึกพรีเมียม
- เพิ่มความโดดเด่นด้วยการช็อตจมพร้อมสกรีน
ป้ายหนังพียู (PU Leather) ทางเลือกใกล้เคียงหนังแท้
ป้ายหนัง PU คือป้ายที่ผลิตจาก หนังสังเคราะห์พียู (Polyurethane Leather) ซึ่งเป็นวัสดุที่เลียนแบบลักษณะและพื้นผิวของหนังแท้ แต่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน หนังพียูเป็นที่นิยมใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ และสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ เพราะมีราคาย่อมเยาและสามารถปรับแต่งได้ง่าย เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการลุคพรีเมียมในราคาที่จับต้องได้
คุณสมบัติเด่นของป้ายพียู
- สัมผัสนุ่มพิเศษ มีความสามารถในการกันน้ำดีกว่าหนังแท้ จึงไม่ต้องดูแลรักษามาก
- สามารถเลียนแบบลวดลายของหนังแท้ เช่น ลายรูขุมขน หรือริ้วลายธรรมชาติ
- สามารถใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น การช็อตจม (Debossing), การปั๊มฟอยล์ (Foil Stamping)
- หนังพียูมีน้ำหนักเบากว่าหนังแท้ ทำให้เหมาะกับการใช้ในสินค้าที่ต้องการลดน้ำหนัก
- มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าหนังแท้ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย ราคาสมเหตุสมผล
ป้ายหนังพีวีซี (PVC Leather) หลากหลายสไตล์ คุ้มค่าคุ้มราคา
ป้ายหนังPVC คือป้ายที่ผลิตจากวัสดุ พีวีซี (Polyvinyl Chloride) ซึ่งเป็นหนังเทียมที่มีความทนทาน ยืดหยุ่น และสามารถปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบ ป้ายพีวีซีได้รับความนิยมในการใช้งานกับสินค้าหลากหลายประเภท เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า และสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ในด้านความคุ้มค่าและความสวยงาม เป็นตัวเลือกยอดนิยม ด้วยความหลากหลายทั้งสีและพื้นผิว ราคาย่อมเยา เหมาะกับการผลิตจำนวนมาก

จุดเด่นของป้ายพีวีซี
- หลากหลายสีและพื้นผิวให้เลือก สีขาว สีดำ สีน้ำตาล สีครีม สีชมพู สีฟ้า สีพาสเทล และ สีอื่นๆอีกมากมาย
- ป้ายพีวีซีไม่ดูดซับน้ำ จึงเหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการการใช้งานในพื้นที่เปียกชื้นได้
- ราคาประหยัดกว่าหนังแท้และ พียู แต่แพงกว่าปะเก็น
- ปรับแต่งได้ทั้งไดคัท ช็อตจม และสกรีน
ป้ายปะเก็น (Washable Kraft Leather) เรียบง่าย มีสไตล์
ป้ายปะเก็นโดดเด่นด้วยความเรียบง่าย มีให้เลือก 3 โทนสีคลาสสิก ได้แก่ ขาว ดำ และน้ำตาล เหมาะกับแบรนด์สไตล์มินิมอล
ข้อควรรู้เกี่ยวกับป้ายปะเก็น
- มีลักษณะคล้ายกระดาษแต่ฉีกไม่ขาด หากซักบ่อยหรือใช้งานนานๆ อาจทำให้ลายของหนังปะเก็นมีรอย ทำให้ป้ายดูออกแนววินเทจ
- ลักษณบางและเบา มีสีให้เลือก 3 สี
- ทำได้เฉพาะไดคัทและสกรีน ไม่สามารถช็อตจมได้เพราะวัสดุบาง
เทคนิคการตกแต่งป้ายหนัง ด้วยช่างมากฝีมือ
การเพิ่มความพิเศษให้กับป้ายหนังไม่ใช่แค่เรื่องของวัสดุ แต่ยังมีเทคนิคการตกแต่งที่จะช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์ของคุณ หลังจากเข้าใจวัสดุแต่ละประเภทแล้ว มาดูกันว่ามีเทคนิคอะไรที่น่าสนใจบ้าง

เทคนิคไดคัทรูปทรง ศิลปะแห่งการตัดแต่ง
ไดคัทคือการตัดป้ายให้มีรูปทรงตามต้องการ สามารถทำได้กับป้ายทุกประเภท ทั้งหนังแท้ พียู พีวีซี และปะเก็น
รูปทรงยอดนิยม
- ทรงสี่เหลี่ยมมุมมน สำหรับลุคคลาสสิก
- ทรงวงกลม เหมาะกับแบรนด์มินิมอล
- รูปทรงอิสระตามโลโก้ สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- คล้ายกระดาษแต่ฉีกไม่ขาด
ข้อควรคำนึงในการไดคัทคือขนาดไม่ควรเล็กเกินไป เพราะอาจทำให้รายละเอียดหาย และต้องเผื่อระยะขอบสำหรับการเย็บ ออกแบบให้แข็งแรง ไม่มีมุมที่บอบบางจนเกินไป
เทคนิคช็อตจม ศิลปะแห่งมิติ
ช็อตจมป้ายหนัง หรือหลายท่านเรียกว่าปั๊มลาย คือการใช้ความร้อนและแรงกดเพื่อสร้างลวดลายหรือโลโก้ที่ลึกลงไปบนพื้นผิวของหนัง ทำได้กับป้ายหนังแท้ พียู และพีวีซี แต่ไม่สามารถทำกับป้ายปะเก็นเนื่องจากวัสดุบางเกินไป

การปรับความลึกช็อตจม
- ระดับตื้น เหมาะกับรายละเอียด
- ระดับกลาง สำหรับตัวอักษรและโลโก้
- ระดับลึก เน้นลายเรียบง่าย
เทคนิคช็อตจม และ สกรีน ศิลปะแห่งสีสัน
การผสมผสานระหว่างช็อตจมและสกรีนสีช่วยเพิ่มมิติและความโดดเด่นให้กับป้าย สามารถเลือกใช้เทคนิคการสกรีนได้หลากหลาย ทั้งสกรีนตัดขอบคม หรือแบบเมทัลลิค
การเลือกสีควรคำนึงถึงความเข้ากันกับสีพื้นป้ายและอัตลักษณ์ของแบรนด์ อาจใช้สีพิเศษเช่นสีทอง สีเงิน เพื่อเพิ่มความพรีเมียม แต่ต้องระวังเรื่องความคงทนของสีและการใช้งานจริง
ไม่ว่าจะเลือกใช้เทคนิคใด สิ่งสำคัญคือต้องเหมาะสมกับภาพลักษณ์แบรนด์และการใช้งาน sirinda พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อเลือกเทคนิคที่ใช่สำหรับแบรนด์ของคุณ
การดูแลรักษาป้ายหนัง ยืดอายุการใช้งาน เพิ่มความคุ้มค่า
การเลือกป้ายหนังคุณภาพดีเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า แต่จะคุ้มค่ามากขึ้นถ้ารู้วิธีดูแลรักษาอย่างถูกต้อง มาดูกันว่าควรดูแลป้ายแต่ละประเภทอย่างไร
ป้ายหนังแท้
ป้ายหนังแท้ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ควรซักด้วยมือเบาๆ ในน้ำอุณหภูมิห้อง ใช้น้ำยาซักผ้าอ่อนๆ หลีกเลี่ยงการแช่น้ำนาน หลังซักให้ซับน้ำเบาๆ ห้ามบิดหรือขยี้
ขั้นตอนสำคัญหลังซัก
- ผึ่งในที่ร่ม ไม่ตากแดดโดยตรง
- ห้ามใช้เครื่องอบหรือรีดร้อน
ป้ายหนังพียู
ป้ายหนังพียูทนทานกว่าหนังแท้ แต่ก็ต้องดูแลให้ถูกวิธี ซักด้วยน้ำเย็นหรืออุ่น ใช้น้ำยาซักผ้าทั่วไปได้ แต่ไม่ควรแช่น้ำนาน ระวังการขูดขีดและเก็บในที่แห้ง ไม่อับชื้น
ป้ายหนังพีวีซี
ป้ายพีวีซีทนทานที่สุด สามารถซักได้ทั้งมือและเครื่อง ทนต่อน้ำยาซักผ้าทั่วไป แต่อุณหภูมิน้ำไม่ควรเกิน 40 องศา หลีกเลี่ยงการรีดโดยตรงที่ป้าย และเก็บให้พ้นแสงแดด
ป้ายปะเก็น
ป้ายปะเก็นบางและเปราะบางที่สุด ต้องระวังเป็นพิเศษ ซักเบาๆ ไม่ขยี้หรือบิด หลีกเลี่ยงการรีด และระวังการพับงอ เก็บในที่แห้ง ไม่อับชื้น
สรุป
การเลือกป้ายหนังที่เหมาะสมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการสร้างแบรนด์ ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน สิ่งสำคัญคือต้องสอดคล้องกับภาพลักษณ์และงบประมาณของแบรนด์ ปรึกษาSirinda เพื่อเลือกป้ายที่ใช่สำหรับคุณ